paithiaokan
Search
Close this search box.

ไหว้พระใหญ่อ่างทอง 4 แห่ง สถานที่เที่ยวในเมืองอ่างทอง

ไหว้พระใหญ่อ่างทอง 4 แห่ง อีกที่ใกล้กรุงเทพฯ ชื่อว่า “อ่างทอง” น่าหลงใหลไม่น้อย ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยามีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดโบราณที่สวยงามน่าทึ่ง พระพุทธรูปที่สวยงามที่มีประวัติทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติก็ตั้งอยู่ในจังหวัดนี้เช่นกัน

ไหว้พระใหญ่อ่างทอง 4 แห่ง พุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาจังหวัดอ่างทองจึงควรมาสักการะ เป็นประสบการณ์การพักผ่อนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็น “พระใหญ่” เพื่อความเป็นสิริมงคล หรือถ้าใครไม่นับถือศาสนาพุทธจะลองไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของพุทธศิลป์ก็ได้

พ่อใหญ่
วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ
พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่” หรือ “พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูง 95 เมตร หน้าตักกว้าง 62 เมตร นี่คือพระพุทธรูปนั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ที่วัดม่วงซึ่งเคยเป็นวัดร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายมีหลวงพ่อใหญ่ประดิษฐานอยู่อย่างงดงาม ตั้งอยู่ในเมืองชายแดนที่เคยเจริญรุ่งเรืองในเขตตำบลวิเศษชาญซึ่งเหลือแต่ซากวัดเมื่อครั้งกรุงแตก เมื่อกลดทุ่งทองพร้อมแล้ว พระครูวิบูล อรชาคุณ (หลวงพ่อเกษม อาราธนาสุโภ) ก็เดินทางมาถึง ข้าพเจ้าเห็นว่าเคยเป็นวัดร้างอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จึงน่าไปปฏิบัติธรรม แต่เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติธรรม นิมิตของหลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดงก็ปรากฏขึ้น ท่านรับปากจะช่วยบูรณปฏิสังขรณ์วัดม่วง

 

พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูล
วัดขุนอินทประมูล อ.โพธิ์ทอง
“พระพุทธไสยาสน์ขุนอินทประมูล” หรือ “พระศรีเมืองทอง” และอยู่ใน “วัดขุนอินทประมูล” วัดเก่าแก่ที่น่าจะสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย พระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุด 1 ใน 5 ของประเทศไทย 50 เมตร คือระยะระหว่างปลายพระบาทถึงปลายพระบาท

พระพุทธรูปปางไสยาสน์ถูกเก็บไว้ในวิหารเป็นครั้งแรก แต่ถูกทำลายล้างเมือง ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าบริเวณรอบองค์พระพุทธรูปมีแนวกำแพงและเสาแบบโบราณที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัด แต่เป็นเวลาหลายพันปีแล้ว พระพุทธรูปยังคงโดดเด่นและไร้ที่ติ

 

หลวงพ่อโต
วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย
พระพุทธรูปขนาดมหึมาองค์หนึ่งของอ่างทองที่น่ารักยิ่งในชาติ คือ “หลวงพ่อโต” หรือ “พระมหาพุทธพิมพ์” ศิลปะรัตนโกสินทร์ซึ่งมีพุทธสุนทรียะที่แปลกประหลาด ที่สำคัญคือ ท่าขัดสมาธิราบและปางสมาธิที่พระพักตร์และใบหูคล้ายคนปกติ เส้นผ้าจีวรและผ้าสังฆาฏิที่ผูกตามสมัยนิยมล้วนมีรอยย่นอย่างเห็นได้ชัด

พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ที่ “วัดไชโย วรวิหาร” หรือ “วัดเกตุไชโย” ซึ่งเคยเป็นวัดราษฏร์แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดทั้งหมด แต่มีความสำคัญเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตารามได้เริ่มสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นที่วัดในสมัยรัชกาลที่ 4

 

พระพุทธไสยาสน์
วัดป่าโมกวรวิหาร อ.ป่าโมก

พระพุทธรูปปางมารวิชัยปางพักผ่อน นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนปิดทองขนาดใหญ่ที่ “วัดป่าโมกวรวิหาร” จังหวัดอ่างทอง น่าจะสร้างในสมัยสุโขทัย มีความยาวจาก พระพุทธบาทถึงปลายพระบาท 22.58 เมตร ตามตำนานกล่าวว่าพระพุทธรูปองค์นี้ลอยมาในแม่น้ำและจมลงที่หน้าวัด ชาวบ้านจึงเคารพบูชาและนำไปตั้งไว้ที่ศาลเจ้าริมแม่น้ำ

ตามพระราชพงศาวดาร ระบุว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จมาถวายบังคมพระพุทธรูปองค์นี้ก่อนออกรบกับพระมหาอุปราช